UFABETWIN ทันทีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีข่าวจะคว้าตัว อาเดรียง ราบิโอต์ ก็มีหลายคนออกมาบอกทันทีว่า “อย่า ๆๆๆ”
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่งหรือไม่มีความสามารถ แต่เพราะ ราบิโอต์ คือหนึ่งในนักเตะที่สร้างปัญหานอกสนามอยู่บ่อยครั้งโดยมีเอเยนต์ของเขาเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ที่สำคัญคือเอเยนต์ผู้ดูแลผลประโยชน์ทุกอย่างก็คือ เวโรนิค ราบิโอต์ คุณแม่บังเกิดเกล้านั่นเอง
เพราะ (คิดว่า) รักชนะทุกอย่าง อาเดรียง ราบิโอต์ ลืมตาดูโลกขึ้นมาก็ถูกปลูกฝังให้ชอบฟุตบอลตั้งแต่เริ่มจำความได้ มิเชล พ่อของเขาเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ตามเชียร์มานานหลายปี และหวังอยากจะให้ลูกชายไปอยู่ในจุดนั้นสักวัน ดังนั้นเมื่อลูกชายเริ่มรู้ความ มิเชลได้ตกลงกับเวโรนิคภรรยาของเขาเพื่อสานฝันที่เขาวาดไว้ นั่นคือการเริ่มลงทุนกับ อาเดรียง ราบิโอต์ ให้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
หากเทียบกับเด็ก ๆ คนอื่น ราบิโอต์ เกิดมาในครอบครัวที่ดี แม้ไม่ได้ร่ำรวยมากแต่ก็ยังมีกินมีใช้ ครอบครัวของเขามีความสนิทสนมกันชนิดแนบแน่น ทุกก้าวที่เขาเดินจะได้รับการใส่ใจอย่างละเอียดยิบ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นไข่ในหินก็คงไม่ผิดนัก พ่อของเขาพาเขาไปเข้าศูนย์ฝึกของสโมสร เครเตย (Creteil) หลังจากนั้นฟุตบอลก็กลายเป็นเรื่องของครอบครัวนี้ไปโดยปริยาย
จะดีแค่ไหนหากเด็กคนหนึ่งมีสิ่งที่ชอบ และได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากผู้ปกครอง
พ่อของราบิโอต์ขับรถพาลูกชายไปส่งเรียนและรอรับกลับทุกวัน ขณะที่แม่ของเขาก็มีหน้าที่จัดการทุกอย่างในบ้านให้เรียบร้อย สร้างบรรยากาศให้ลูกชายพร้อมเป็นมืออาชีพอย่างที่สุด . นี่แหละชีวิตที่เขาเป็นและวิถีที่หล่อหลอมให้เขามีฝีเท้าดีกว่าเด็กรุ่นเดียวกันทุกคนในศูนย์ฝึกนั้น เรื่องนี้ถูกยืนยันโดย มาร์ติน มูแลง หนึ่งในทีมงานของเครเตย
“อาเดรียงเป็นนักเตะที่แปลกกว่าคนอื่น ๆ เขามีโลกส่วนตัวสูงแต่ก็เป็นคนมีอารมณ์ขัน ตลอดช่วงการสอนเราไม่เคยมีปัญหากับเขาเลย และเขาก็ไม่เคยบ่นเรื่องการฝึกรวมถึงเรื่องการเรียนเลยสักครั้ง เขาอาจจะดื้ออยู่บ้าง แต่ก็นั่นแหละ จะเอาอะไรกับเด็ก 8 ขวบ นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็เป็นคนโปรดของผมมาโดยตลอด” มูแลง ว่าไว้
ราบิโอต์อยู่ที่ศูนย์ฝึกดังกล่าวได้ 5 ปี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เริ่มสร้างศูนย์ฝึกของตัวเองในช่วงปี 2008 ก็เริ่มนโยบายเฟ้นหาเด็กหนุ่มฝีเท้าดีจากทั่วยุโรปเพื่อดึงตัวเข้ามาอยู่ในศูนย์ฝึกของพวกเขา กลุ่มแมวมองของ แมนฯ ซิตี้ ถูกส่งเข้ามาค้นหาเด็กในฝรั่งเศส โดยแมวมองคนที่เจอกับราบิโอต์ในวัยเด็กบอกว่า สิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าฝีเท้าคือเรื่องนิสัย แม้จะอายุน้อยแต่ราบิโอต์กลับมีความคิดความอ่านเหมือนกับผู้ใหญ่ วางตัวดี และมีมารยาท
“ราบิโอต์สุภาพและฉลาดมาก ตอนนั้นเขาเล่นในตำแหน่งปีกและตัวของเขาสูงกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ความโดดเด่นที่แท้จริงของเขาคือเรื่องสภาพจิตใจ เขาวางตัวเป็น ให้เกียรติคนอื่น และรู้ว่าเวลาไหนควรแสดงออกอย่างไร นี่คือสิ่งที่ไม่ธรรมดาสำหรับเด็กอายุขนาดนั้น” แมวมองของ แมนฯ ซิตี้ ให้สัมภาษณ์กับ
เล่นเก่งด้วย ทัศนคติดีด้วย นี่คือสิ่งที่ทุกคนประทับใจในตัวราบิโอต์วัยเด็ก และพวกเขาพูดตรงกันแทบทุกคน เขาได้สัญญากับ แมนฯ ซิตี้ ตอนอายุ 13 ปีเมื่อปี 2008 ทว่าหลังจากนั้นเพียง 6 เดือนการเปลี่ยนแปลงในอาชีพนักฟุตบอลของราบิโอต์ก็เกิดขึ้น
มิเชล พ่อของราบิโอต์ล้มป่วยต้องนอนติดเตียงเป็นเวลานาน ราบิโอต์ที่สนิทกับพ่อมาก ๆ ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากจะปรับตัวและเตรียมรับมือกับความรู้สึกนั้นได้ พ่อของเขาคอยดูแลและเป็นธุระเรื่องฟุตบอลให้เขามาตลอด แต่ตอนนี้พ่อทำไม่ได้แล้ว และนั่นเป็นครั้งแรกที่ชื่อของ เวโรนิค ราบิโอต์ แม่ของเขาได้ปรากฏ
ดันจนถึงที่สุด การอยู่ในสถานะอัมพาตทำให้มิเชลต้องถอยออกจาก เรื่องการจัดการเรื่องฟุตบอลให้กับราบิโอต์
ซึ่งคนที่จะต้องเข้ามาดูแลหน้าที่นี้ต่อคือเวโรนิค เราไม่รู้ว่าเธอเป็นคนที่มีนิสัยใจคอแบบไหน แต่เวโรนิคเคยอธิบายถึงตัวเองว่า “ฉันเป็นพวกเผด็จการ” กล่าวคือทุกสิ่งที่เธอสั่งจะต้องได้รับการตอบสนองจากลูกชาย เธอตั้งตัวเป็นเอเยนต์ของ อาเดรียง ราบิโอต์ และเป้าหมายเดียวที่เธอต้องการคือการให้เขาได้เป็นนักเตะอาชีพ อันเป็นความฝันของครอบครัวนี้
อย่างไรก็ตามความเป็นแม่กับความเป็นเอเยนต์นั้นค่อนข้างจะมีรายละเอียดที่ขัดกันพอสมควร แม้เป้าหมายจะตรงกันนั่นคือ “เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ราบิโอต์” แต่วิธีการนั้นแตกต่างออกไป เอเยนต์เป็นอาชีพที่จะทำให้คุณต้องโฟกัสกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียวและจะต้องทำให้นักฟุตบอลได้มีโอกาสที่จะเติบโตในอาชีพการงานผ่านข้อตกลงต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนและเป็นมืออาชีพ
วันที่แม่ของราบิโอต์เข้ามา แม้เธอจะอยากให้ลูกชายได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่ปัญหาคือวิธีการของเธอนั้นค่อนข้างจะเป็นไปในแบบที่ไม่เป็นทางการมากนัก นั่นคือทำให้สิ่งต่าง ๆ มันดูผิดเพี้ยนจากระบบเดิมที่หลายคนคุ้นชิน
หลังอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ได้ 6 เดือน เวโรนิคก็สร้างเรื่องทันที เธอขึ้นไฟต์กับผู้ดูแลทีมเยาวชนของ แมนฯ ซิตี้ เพราะต้องการดึงตัวราบิโอต์กลับไปที่ฝรั่งเศส เพราะเธอคิดว่า แมนฯ ซิตี้ มีข้อตกลงที่ไม่ดีพอสำหรับลูกชาย เนื่องจากสิ่งที่เธอต้องการคือ ราบิโอต์จะต้องได้รับการการันตีว่าจะได้สัญญารับอาชีพทันทีเมื่ออายุครบ 17 ปี ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถมอบให้ได้
เวโรนิคผิดหวังกับคำตอบนั้น เธอได้ร้องขอให้มีการยกเลิกสัญญาเพื่อจะได้พาราบิโอต์กลับไปยังฝรั่งเศส ในวัย 15 ปีราบิโอต์ก็ถูกดึงตัวเข้าสู่อคาเดมีของเปแอสเช เมื่อปี 2010 ก่อนที่อีก 2 ปีต่อมาในปี 2012 ราบิโอต์ก็ถูกเรียกขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ของเปแอสเช ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ตอนนั้นเขาอายุ 17 ปีและได้สัญญาอาชีพตามที่แม่ของเขาต้องการ เรียกได้ว่าแม้จะใช้วิธีที่แตกต่างกับเอเยนต์อาชีพแต่เวโรนิคก็ทำสำเร็จตามเป้าด้วยการให้ลูกชายได้สัญญาอาชีพตอนอายุ 17 ปี
“ไม่ว่าจะแมวสีไหนแต่ขอให้จับหนูได้เป็นใช้ได้” วลีนี้ยังใช้ได้เสมอ ทว่าโลกความจริงมันเริ่มหลังจากนี้ต่างหาก เมื่อราบิโอต์ได้สัญญาอาชีพ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเป็นมืออาชีพเต็มตัว เด็ก ๆ หลายคนก็มีพ่อแม่เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ในช่วงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เมื่อถึงเวลาอันสมควรพวกเขาจะขยับสู่ระดับที่สูงกว่าด้วยการจ้างมืออาชีพมาดูแล
เราไม่รู้เลยว่าราบิโอต์คิดกับเรื่องนี้ยังไง แต่ที่แน่ ๆ แม่ของเขาไม่ยอมปล่อยหน้าที่เอเยนต์ให้ใครได้ครอบครองแม้วินาทีเดียว ปัญหาของการไม่เป็นมืออาชีพ เวโรนิคเริ่มสร้างปัญหาให้กับราบิโอต์ทันทีหลังจากที่ลูกชายของเธอขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของเปแอสเช อย่างไรก็ตามเวลาของมิเชลผู้เป็นพ่อก็เหลือไม่มากแล้ว ทางสโมสรจึงได้จัดเกมกระชับมิตรนัดพิเศษพบ โอแซร์ เพื่อเอาใจครอบครัวราบิโอต์ โดยเชิญมิเชลให้เข้ามาชมเกมที่ข้างสนามด้วยตัวเอง ซึ่งในเกมนั้นราบิโอต์ยิง 2 ประตู ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกให้มานั่งชมเกมกับพ่อของเขา